- จิตใจของมนุษย์นั้นเน่าเปื่อยอย่างยิ่ง
เกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์นั้น ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้กล่าวถึงผู้เผยพระวจนะ(先知者) ยิเรมียาห์ (Jeremiah เริ่มรับใช้ในปีที่ 13 แห่งรัชสมัยของกษัตริย์โยเซียห์แห่งราชอาณาจักรยูดาห์) ว่าเป็นสิ่งที่เท็จและเน่าเปื่อยอย่างที่สุด (ยิเรมียาห์ 17:9, 10)
ยิเรมียาห์ บทที่ 17
9. "จิตใจของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ทรยศและชั่วร้ายกว่าสิ่งอื่นใด ใครเล่าจะรู้จักมันได้?"
10. "เราพระเจ้า(主, พระยะโฮวห์) ทรงทราบความคิดของคนทั้งปวง ทรงสำรวจจิตใจของคนทั้งปวง และทรงประทานตามการกระทำของคนแต่ละคน และตามผลของการกระทำของคนแต่ละคน"
นอกจากนี้ พระเยซูทรงตรัสว่า ความคิดชั่วร้ายต่างๆ เช่น การผิดประเวณี การลักขโมย การฆาตกรรม ฯลฯ เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์และทำให้มนุษย์เป็นคนสกปรก (มาระโก 7:18-23)
มาระโก บทที่ 7
18. พระเยซูตรัสกับเขาว่า "พวกท่านยังไม่เข้าใจหรือ? พวกท่านยังไม่รู้หรือว่าสิ่งใดๆ ที่เข้าไปในตัวคนจากภายนอกนั้นไม่ทำให้คนนั้นเป็นมลทิน?
20. พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "สิ่งที่ออกมาจากตัวคนนั่นแหละทำให้คนนั้นเป็นมลทิน"
21. เพราะความคิดชั่วร้ายออกมาจากจิตใจของคน คือ การผิดประเวณี การลักขโมย การฆาตกรรม
22. การล่วงประเวณี ความโลภ ความชั่วร้าย การหลอกลวง การลามก การมองอย่างอิจฉาริษยา การพูดดูหมิ่น ความหยิ่ง ความโง่เขลา
23. ความชั่วร้ายเหล่านี้ทั้งหมดออกมาจากภายใน และทำให้คนนั้นเป็นมลทิน"
- มนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง
พระยะโฮวห์ทรงมอบสิบประการผ่านทางโมเสสให้กับชาวอิสราเอลและบัญญัติให้พวกเขาปฏิบัติตามและให้พ่อแม่สอนลูกหลาน แต่หลังจากการออกจากอียิปต์จนถึงสมัยกษัตริย์มะนาเสห์(กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งราชอาณาจักรยูดาห์ ครองราชย์ระหว่าง 687-642 ปีก่อนคริสตกาล) พวกเขาได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระยะโฮวห์ชั่วคราว แต่ก็ละทิ้งพระบัญญัตินั้นทันทีและนับถือรูปเคารพอย่างเต็มที่ พระยะโฮวห์ทรงพิโรธต่อพวกเขา (2 พงศ์กษัตริย์ 21:12, 14, 15)
2 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 21
12. พระเจ้า(主) พระเจ้าของอิสราเอลตรัสว่า ดูเถิด เราจะนำความหายนะมาสู่เยรูซาเล็มและยูดาห์ ความหายนะที่เมื่อใครได้ยินแล้วจะทำให้เขาตกใจ
15. พวกเขาได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของเรา และกระตุ้นความโกรธของเราตั้งแต่บรรพบุรุษของพวกเขาที่ออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้
เมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป ไอคิวและบุคลิกภาพ(性格)จะไม่เปลี่ยนแปลง นักจิตวิทยาบางคนกล่าวว่าบุคลิกภาพทั้งหมดจะคงที่เมื่ออายุ 15 ปี นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า "อารมณ์(氣質)" บุคลิกภาพและไอคิวเป็นกรรมพันธุ์(遺傳) และสิ่งหนึ่งที่ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ นิสัย(習慣) สมองของเราไม่ชอบคิด ทำไมมันถึงไม่ชอบคิด?
มนุษย์ได้วิวัฒนาการมาเพื่อการเดินสองขา และได้เลือกโครงสร้างหลอดเลือดในแนวตั้งเพื่อจ่ายเลือดไปยังสมองที่สูงขึ้น หัวใจทำงานเหมือนเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพต่ำและต้นทุนสูงเพื่อจ่ายเลือดไปยังสมองที่อยู่สูงขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการจ่ายสารอาหารให้กับสมอง กล่าวคือยิ่งคิดมากก็ยิ่งใช้พลังงานมากขึ้น (ที่มา: [คอลัมน์จิตวิทยา] มนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง (feat. Kim Kyung-il, 1970 ~) — Steemit)
- โลกแห่งจิตสำนึกของมนุษย์
จิตใต้สำนึก(無意識) เป็นส่วนที่ลึกที่สุดและสำคัญที่สุดของจิตใจมนุษย์(精神) และเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจพฤติกรรม(行動)ของบุคคล
จิตใต้สำนึก(無意識) ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของจิตสำนึกครอบครองจิตใจส่วนใหญ่และควบคุมพฤติกรรม(行動)ของมนุษย์และกำหนดทิศทางของพฤติกรรม ความกลัว แรงกระตุ้นความรุนแรง ความปรารถนาที่ไร้เหตุผล ความต้องการทางเพศ ความเห็นแก่ตัว ประสบการณ์ที่น่าอับอาย ฯลฯ อยู่ในหมวดหมู่นี้ (พจนานุกรมที่ปรึกษา 2016)
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ 95% ของรูปแบบพฤติกรรม(行動)ของมนุษย์ถูกขับเคลื่อน(驅動, driven)โดยจิตไร้สำนึก(潛在意識, สมองแห่งอารมณ์)และจิตใต้สำนึก(無意識, สมองแห่งการอยู่รอด) และเพียง 5% ของรูปแบบพฤติกรรมเท่านั้นที่ถูกขับเคลื่อนโดยจิตสำนึก(意識, สมองแห่งเหตุผล) (ที่มา: https://21erick.org/column/9942/, ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกและการประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้)
- เพื่อการเกิดใหม่
‘นิโคเดมัส’ ผู้นำชาวยิวและเป็นฟาริสีได้เห็นปาฏิหาริย์ที่พระเยซูทรงกระทำและคิดว่าพระองค์เป็นครูที่ได้รับมาจากพระเจ้า ในคืนหนึ่งเขาได้ไปหาพระเจ้าเพื่อขอคำแนะนำที่เขาสามารถเพิ่มความรู้ของเขาได้ แต่พระเยซูทรงมีเรื่องที่ต้องการจะบอกเขา
นั่นคือความจริงที่สำคัญว่า “ใครจะเข้าสวรรค์ได้บ้าง?” ใครจะเข้าสวรรค์ได้? คนที่เกิดจากเนื้อหนังเข้าไปไม่ได้ (ยอห์น 3:1-8)
คำตอบของพระเยซูก็คือ มีเพียงผู้ที่เกิดใหม่เท่านั้นที่จะเข้าไปได้ มีเพียงผู้ที่เกิดจากพระวิญญาณเท่านั้นที่จะเข้าไปได้
การถือกำเนิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ที่กลับใจจากบาปได้พึ่งพาคุณงามความดีของพระเยซูคริสต์รับบัพติศมาด้วยน้ำและได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์(聖靈) พระคัมภีร์เรียกผู้ที่เปลี่ยนแปลง(變化)ด้วยน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ‘สิ่งสร้างใหม่(被造物)’(2 โครินธ์ 5:17)
การตรัสรู้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งจิตสำนึก(意識) แต่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโลกแห่งจิตใต้สำนึก(無意識)ด้วย และเพื่อจุดประสงค์นี้จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก เช่น ความโลภ บาดแผล ฯลฯ
จิตใต้สำนึกควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ส่วนใหญ่และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมโดยการรับข้อมูลทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึก(無意識)สามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น(肯定的)ได้
Ken Wilber (นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน) หลังจากได้อ่าน “เต๋าเต๋อจิง(道德經)” ของลัทธิเต๋าแล้ว เขาก็หลงใหลในปรัชญาตะวันออกและตะวันตก และได้เรียนรู้จากการพำนักอยู่ในประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก รวมถึงเกาหลี เป็นเวลาหลายสิบปี ผ่านการปฏิบัติธรรมโดยตรงและการพบปะกับพระสงฆ์และนักบวชว่าประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ(靈的)ไม่ได้รับประกันความสมบูรณ์ทางจิตใจ (ที่มา; “เมื่อรักอย่างแท้จริง คุณจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน” (hani.co.kr) 2013. 12. 18)
เราอาจกล่าวได้ว่าเมื่อประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ(靈的)ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง(變化)ในจิตใต้สำนึก(無意識) นั่นคือชีวิตที่เกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม เราต้องจำไว้ว่าเส้นทางนี้เป็นทางที่แคบ (มัทธิว 7:13, 14)
- ชีวิตหลังการเกิดใหม่(以後)
ยิเรมียาห์ บทที่ 17
5. "เราพระเจ้า(主, พระยะโฮวห์)ตรัสว่า คนที่ละทิ้งเราพระเจ้าและพึ่งพามนุษย์ ทำให้มนุษย์เป็นที่พึ่งของตนเอง จะต้องถูกสาปแช่ง(詛呪)"
7. แต่คนที่วางใจในพระเจ้า(依支)จะได้รับพร(福)
8. เขาจะเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งแผ่รากไปถึงลำธารและไม่ต้องกลัวเมื่อความร้อนมาถึง และใบของมันก็เขียวชอุ่ม และในปีแห่งความแห้งแล้งก็ไม่ต้องกังวลและมันจะออกผลเสมอ
2 โครินธ์ บทที่ 4
14. เพราะเราทราบว่าพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูเจ้าเป็นขึ้นมาจากความตายจะทรงทำให้เรากับพระเยซูเจ้าเป็นขึ้นมาด้วย
16. ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ท้อถอย แม้คนภายนอกของเรากำลังเสื่อมสลายไป แต่คนภายในของเรากำลังเกิดใหม่ขึ้นทุกวัน
18. เพราะเราไม่มองดูสิ่งที่มองเห็นได้ แต่เรามองดูสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่มองเห็นได้นั้นชั่วคราว แต่สิ่งที่มองไม่เห็นได้นั้นเป็นนิรันดร์(永遠)
ผู้ที่วางใจและพึ่งพาพระเจ้าอย่างแท้จริงจะใช้ชีวิตด้วยการมีประสบการณ์ในการสื่อสารกับพระวิญญาณแห่งความจริง คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์(聖靈) ดังนั้นพวกเขาจะละทิ้งคุณค่าทางโลก เช่น ความปรารถนาทางเนื้อหนัง(肉體)และตา ความปรารถนาทางเพศ(情欲) และความภาคภูมิใจในชีวิตนี้ และแสวงหาชีวิตนิรันดร์ที่มองไม่เห็นและใช้ชีวิตที่เกิดใหม่
แม้ว่าจะเป็นประตู(門)ที่แคบ แต่เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นทางแห่งชีวิตที่แท้จริง พวกเขาจึงจะเดินไปจนสุดทาง ช่วยเหลือผู้ที่ถูกผูกมัดอยู่ในความมืดและผู้ที่ตกเป็นเชลยและช่วยเหลือคนยากจน สิ่งนี้เป็นไปได้เมื่อพวกเขามาด้วยความเมตตาและความรักที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทาน มิใช่ด้วยความตั้งใจหรือพลังของมนุษย์
10 ตุลาคม 2567 ถนนที่แท้จริง(นามปากกา(筆名))
ความคิดเห็น0