หัวข้อ
- #ชนชาติเกาหลี
- #ความคิดสร้างสรรค์
- #การเผยแพร่ศาสนา
- #วัฒนธรรมเกาหลี (K-Culture)
สร้าง: 2024-06-15
สร้าง: 2024-06-15 20:29
l ตำแหน่งของวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์เกาหลี
สาธารณรัฐเกาหลีได้เริ่มได้รับการยกย่องจากประเทศกำลังพัฒนาให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง การเติบโตทางเศรษฐกิจนี้ส่งผลให้เกิดแบรนด์ ‘วัฒนธรรมเกาหลี (K-culture)’ ในแวดวงวัฒนธรรม และตามมาด้วยแบรนด์ ‘เคป๊อป (k-pop)’, ‘เคดราม่า (k-drama)’, ‘เคบิวตี้ (k-beauty)’, ‘อาหารเกาหลี (k-food)’
‘วัฒนธรรมเกาหลี (K-culture)’ ได้สร้างสถานะอันโดดเด่นให้กับสาธารณรัฐเกาหลีและชาวเกาหลีในเวทีโลก โดยเริ่มจากการดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลกในช่วงการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ถึงคราวของวงการวิทยาศาสตร์แล้ว ในช่วงหลังปี 1960 สาธารณรัฐเกาหลีจำเป็นต้องมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น อุตสาหกรรมเคมีหนัก เหล็กกล้า เป็นต้น และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ก็จำเป็นต้องมาก่อนและเป็นเรื่องจริงมากกว่าวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านจึงมีผู้ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาวิทยาศาสตร์หลายสิบคน ในขณะที่สาธารณรัฐเกาหลีไม่มีเลย จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
รางวัลโนเบลและอื่นๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากสาขาวิทยาศาสตร์พื้นฐานเท่านั้น เนื่องจากแก่นแท้ของทุกสาขาวิชาเกิดขึ้นจากทฤษฎีพื้นฐานที่สุด ดังนั้นผลลัพธ์ในสาขาเหล่านี้จึงจำเป็นต้องปรากฏขึ้น เพื่อที่ในอนาคตจะได้รับรางวัลโนเบลในฐานะที่ได้มีส่วนช่วยเหลือโลก ในกรณีของญี่ปุ่น ผู้ได้รับรางวัลโนเบลจำนวนมากมาจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (RIKEN) สถาบันวิจัยแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และผลงานการทดลองต่างๆ ของนักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผลที่ได้คือ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของผู้ได้รับรางวัลโนเบลหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล
สาธารณรัฐเกาหลีก็เริ่มลงทุนในสาขาพื้นฐานตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 และในที่สุดก็เริ่มมีนักวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่มีความโดดเด่นในระดับโลก คาดว่าหากเวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง คงจะมีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลหรือผู้ที่เทียบเท่ากับผู้ได้รับรางวัลโนเบลเพิ่มขึ้นอีกมาก
เราสามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงนี้ในมุมมองทางจิตวิญญาณได้ บางทีพระเจ้าอาจจะใช้ประชาชาติเกาหลีซึ่งเผชิญกับความทุกข์ทรมานมากมายในอดีตมาใช้เพื่อบรรลุแผนการของพระองค์ในเวลานี้หรือไม่? เราสามารถเดาได้จากการที่คริสตจักรในสาธารณรัฐเกาหลีส่งมิชชันนารี (宣敎師) ไปทั่วโลกเป็นจำนวนมากในอดีต
ในช่วงเวลาดังกล่าว ลูกของพระเจ้าควรตื่นตัวและดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจจะกระตุ้นความโลภของมนุษย์จนกลายเป็นเหมือนการนับถือ ‘เทพเจ้าบาอัล’ (Baal) ซึ่งแสวงหาความมั่งคั่ง และในที่สุดก็อาจนำไปสู่ความเสื่อมทรุดและการพินาศของคริสตจักร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมสาธารณรัฐเกาหลีโดยตรง
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์ พระองค์ได้ประทานความบริสุทธิ์ให้ แต่เมื่อมนุษย์หันหลังให้พระเจ้า ชีวิตที่มุ่งเน้นตัวเองก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก และประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นชีวิตที่หลงทางอยู่ในความมืด
ดังนั้น มนุษยชาติได้เดินไปตามหนทางแห่งความเสื่อมทรุดโดยละทิ้งพระเจ้า และจำเป็นต้องสำนึกผิดอย่างถ่องแท้ต่อบาปที่ทำให้ธรรมชาติและโลกปนเปื้อน ลูกของพระเจ้าควรเป็นผู้นำในเรื่องนี้
l สังเกตศักยภาพของชาวเกาหลี
ศักยภาพของ ‘วัฒนธรรมเกาหลี (K-Culture)’ ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ซึ่งผสมผสานการประชุม การสร้างสรรค์เนื้อหา และการแสดงดนตรีเข้าด้วยกัน ทำให้วัฒนธรรมโลกต้องเผชิญกับกระแสที่ไม่หยุดยั้ง การเปลี่ยนแปลงของอิตาลีในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ หลังจากเคยถามว่าเกาหลีอยู่ที่ไหน
ศักยภาพ (力量) นี้มาจากบุคลิกภาพและความคิดสร้างสรรค์ของชาวเกาหลี บุคคลากรในวงการภาพยนตร์ของฟลอเรนซ์ อิตาลีชื่นชมความทะเยอทะยานและจิตวิญญาณแห่งการทดลองของชาวเกาหลี ศักยภาพนี้เกิดจากลักษณะนิสัยของชาติเกาหลี และมรดกตกทอดนี้คงเกิดจากยีนของชาติเกาหลีและสภาพแวดล้อมที่ผู้คนในแต่ละยุคสมัยได้อาศัยอยู่
แต่เราควรคิดถึงเหตุผลที่ชาติเกาหลีไม่สูญหายไป แม้จะประสบกับความยากลำบากมากมายในคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่สมัยสามก๊ก และถูกประเทศจีนหรือญี่ปุ่นยึดครองมาแล้วหลายครั้ง ทำไมถึงยังคงดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5,000 ปี
พระเจ้าได้ทรงเรียกชนชาติฮีบรูออกจากอียิปต์ และทรงสถาปนาให้เป็นชาติเดียว ทรงสถาปนาชนชาติยิวให้เป็นประชากรของพระองค์ ทรงประทานพระบัญญัติให้ และส่งพระเยซูมาเพื่อให้โอกาสในการได้รับความรอด แต่หลังจากที่ประเทศล่มสลายในช่วงก่อนคริสตกาลศตวรรษที่ 6 ชนชาติยิวก็ได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกในฐานะ ‘ผู้พลัดถิ่น (diaspora)’ จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ให้ความช่วยเหลือในการก่อตั้งประเทศอิสราเอล ชนชาติยิวได้รับเลือกจากพระเจ้า แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และไม่เชื่อฟังพระองค์ จนกระทั่งประสบกับผลที่ร้ายแรงที่สุดในบรรดาชนชาติทั้งหลาย
ดังนั้น เราจึงคิดว่าพระเจ้าอาจจะทรงจับตามองชนชาติเกาหลีมาโดยตลอด พระเจ้าทรงใช้บุคคลหรือชาติพันธุ์ใดๆ ที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานมากมาย เพื่อให้พวกเขาสามารถมีจิตใจที่พร้อมจะฟังและเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์ ชาติเกาหลี (韓民族) เป็นชนชาติที่ประสบกับความทุกข์ทรมานและความเศร้าโศกอย่างมากมายในช่วงเวลาของราชวงศ์โครยอ ราชวงศ์โชซอน และในช่วงเวลาที่ถูกญี่ปุ่นปกครอง
แน่นอนว่า อุดมการณ์การปกครองในยุคของ檀君 (ดันกุน) ซึ่งก็คือ ‘弘益人間 (ฮงอิกอินกัน) หรือการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์อย่างกว้างขวาง’ นั้นมีความคล้ายคลึง (類似) กับพระบัญญัติข้อที่ 2 ของพระเจ้าที่ว่า ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ และเนื่องจากชาติเกาหลีต้องเผชิญกับความยากลำบากมาอย่างยาวนานโดยถูกล้อมรอบด้วยมหาอำนาจต่างๆ เช่นเดียวกับชนชาติยิว พระเจ้าจึงอาจจะทรงสังเกตชาติเกาหลีอย่างละเอียด
แล้วลูกหลานของชนชาติเกาหลีในยุคนี้ในฐานะสมาชิกของชุมชนจินริ (ชุมชนความจริง) ควรมีทัศนคติต่อชีวิตอย่างไร?
ในแง่ของรายละเอียด พระเจ้าได้ประทานอิสรภาพ (自由) และเจตจำนง (意志) ให้กับแต่ละบุคคล ดังนั้นพวกเขาจึงต้องต่อสู้ดิ้นรนในครอบครัว โรงเรียน และที่ทำงานในสังคมมาโดยตลอด แต่การแสดงศักยภาพในองค์กรนั้นจำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เหตุผลที่แบรนด์ ‘วัฒนธรรมเกาหลี (K-Culture)’ ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก และพวกเขาพยายามเรียนรู้ภาษาเกาหลีเพื่อที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของวัฒนธรรมเกาหลี
พระเจ้าอาจจะทรงประทานลักษณะเฉพาะเหล่านี้เป็นของขวัญเพื่อให้ชนชาติเกาหลีสามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการกุศลในอนาคต
ดังนั้น ลูกของพระเจ้าที่ซื่อสัตย์ในชุมชนจินริ (ชุมชนความจริง) จะค้นพบความคิดสร้างสรรค์ ความทะเยอทะยาน และจิตวิญญาณแห่งการทดลองที่มีอยู่ในตัวตนของตนเองผ่านการแสวงหา การค้นหา และการเคาะประตู และนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้
เมื่อดำเนินการเผยแพร่เนื้อหาเหล่านี้ และพระวจนะแห่งความจริงได้หยั่งรากลงในใจ (จิตวิญญาณ) อย่างมั่นคง พวกเขาก็จะส่งอิทธิพลที่ดีต่อผู้คนรอบข้างในโรงเรียน ที่ทำงาน และสังคม
ในอนาคต ขอให้ลูกๆ ของจินริ (ชุมชนความจริง) ที่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ได้ดำเนินชีวิตโดยการเป็นพยานถึงพระเจ้าสืบไป และขอให้ได้รับพรจากพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงใช้ลูกๆ ของจินริ (ชุมชนความจริง) เพื่อบรรลุพระประสงค์ของพระองค์
ข้าพเจ้าอธิษฐานในพระนามของพระเยซู
7 กุมภาพันธ์ 2567 จินริ (ชุมชนความจริง)
ความคิดเห็น0